สแกนเนอร์
มีหลักการทำงาน
คือ
เครื่องอ่านภาพ
จะทำการอ่านภาพโดยอาศัยการสะท้อน
หรือการส่องผ่านของแสง
กับภาพต้นฉบับที่ทึบแสง
หรือโปร่งแสง
ให้ตกกระทบกับ
แถบของอุปกรณ์ไวแสง
(Photosensitive)
ซึ่งมีชื่อในทางเทคนิคว่า
Charge-Couple Device (CCD) ตัว CCD
จะรับแสงดังกล่าวลงไปเก็บไว้ใน
เส้นเล็กของเซล
และจะแปลงคลื่นแสง
ของแต่ละเซลเล็กๆ
ให้กลายเป็นคลื่นความต่างศักย์
ซึ่งจะแตกต่างไปตามอัตราส่วน
ของระดับความเข้มของแสงแต่ละจุด
ตัวแปลงสัญญาณอะนาล็อก
เป็นดิจิตอล
(Analog to Digital Convertor)
จะแปลงคลื่นความต่างศักย์
ให้เป็นข้อมูล
ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ
ในเวลาเดียวกัน
โปรแกรมในการอ่าน
จะควบคุมการทำงาน
ของเครื่องอ่านภาพ
ให้รับข้อมูลเข้า
และจัดรูปแบบเป็นแฟ้มข้อมูลของภาพ
ในระบบคอมพิวเตอร์ต่อไป
ภาพจากการสแกน
ภาพในคอมพิวเตอร์
จะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล
คอมพิวเตอร์แทนส่วนเล็ก
ๆ
ของภาพที่เรียกว่า
พิกเซล (Pixels)
ขนาดของไฟล์รูปภาพ
จะประกอบด้วย
จำนวนพิกเซลเป็นร้อยเป็นพัน
คอมพิวเตอร์จะบันทึก
ค่าความเข้ม
และค่าสีของพิกเซลแต่ละพิกเซล
ด้วยจำนวน
1 บิต
หรือหลายๆ
บิต
จำนวนของพิกเซล
จะเป็นตัวแสดงถึงความละเอียด
และถ้ามีจำนวนบิตต่อพิกเซลมาก
สีที่ได้ก็จะมากตามไปด้วย
รูปแบบการเก็บข้อมูล
มีหลายระบบ
เช่น 1 บิต 8
บิต และ 24
บิต
โดยถ้าเป็นข้อมูลแบบ
1 บิต
จะใช้สำหรับเก็บข้อมูลต่อพิกเซล
2 สถานะ คือ 1
และ 0
ซึ่งจะแสดงสีได้เฉพาะขาวกับดำ
แต่ถ้าเป็น
8 บิต
จะใช้ความแตกต่างของสีถึง
256 ระดับ
การรวมแม่สีมีเทคนิคที่เรียกว่า
Dithering
ซึ่งจะแสดงสีได้ไม่เหมือนกับ
ความจริงที่เรามองเห็นได้
สำหรับระบบ
24 บิต
จะให้ภาพที่มีสีใกล้เคียงจริงมากที่สุด
เรียกว่า
Photo-Realistic
โดยจะแบ่ง
24 บิต เป็น 3
ส่วน คือ
แดง, เขียว,
น้ำเงิน
ส่วนละ 8
บิต
เมื่อรวมทั้ง
3
ส่วนเข้ากันแล้ว
จะสามารถแสดงสีได้ถึง
16.7 ล้านสี
RGB
การอ่านภาพสี
CCD
ของเครื่องอ่านภาพ
จะมีการประมวลผล
โดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี
3 สี คือ แดง,
เขียว
และน้ำเงิน
ในทางเทคนิคจะเรียกว่า
RGB
ในโครงสร้างสีแบบ
RGB
นี้แต่ละสีที่เกิดขึ้นจะประกอบด้วยแม่สีทั้ง
3
สีรวมอยู่ด้วยกันในค่าที่ต่างกันไป
สีดำเกิดขึ้นจาก
การไม่มีแสงสีขาว
ในทำนองเดียวกัน
สีขาวก็เกิดจากแสงแม่สีทั้ง
3
อยู่ในระดับสูงสุดเท่าๆ
กัน (100
เปอร์เซ็นต์ของ
RGB)
และระดับแสงเท่าๆ
กันของทั้ง
3
แม่สีจะเกิดแสงสีเทา
(Gray Scale)
|